“ณัชตา ธรรมธนาคม” แม่ครูผู้ใช้นาฎศิลป์เปลี่ยนชีวิต

30 ปี ขุดเพชรในโคลนตม บ่มเพาะ สร้างคนดีด้วย “หัวใจ”

 

ณัชตา ธรรมธนาคม

ณัชตา ธรรมธนาคม

“คลองเตย” แหล่งเสื่อมโทรมขึ้นชื่อของเมืองกรุงที่น้อยคนนักจะยอมลงไปสัมผัส เข้าใจ และใกล้ชิด แต่สำหรับ “ณัชตา ธรรมธนาคม” หรือ “ครูจิ๋ม” กลับทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และกำลังทรัพย์ ให้กับลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่ามาตลอดชีวิตการทำงานมาเกือบ 30 ปี  ที่โรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจแห่งนี้

หลังเรียนจบจากโรงเรียนนาฏศิลป์ได้เข้าไปทำงานเป็นครูสอนเด็กอนุบาลในโรงเรียนเอกชนประมาณ 2 ปี สอนทุกวิชา รวมทั้งผลิตสื่อการเรียน-การสอน จนเมื่อ 2530 จึงได้เข้ารับราชการเป็นครูที่โรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ ที่เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

“สภาพแวดล้อมตอนนั้นโรงเรียนอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรม นักเรียนขาดการเอาใจใส่ดูแลจากทางครอบครัว ในชุมชนมีเรื่องลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ด้วยความที่ครูเพิ่งจบใหม่ ไฟยังแรงก็เลยมานั่งคิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะช่วยเด็กๆ เหล่านี้ให้ห่างไกลจากความเสี่ยงที่อยู่แวดล้อมตัวพวกเขาได้บ้าง”

จากแนวคิดนั้น จึงทำให้ครูจิ๋มตั้งใจใช้ความสามารถด้านนาฎศิลป์และความรักในด้านการแสดง การร้องรำทำเพลงและการเล่นดนตรี นำมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียน-การสอน โดยเริ่มชักชวนและรวบรวมเด็กๆ ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มารวมกลุ่มกันทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนและในวันหยุด โดยตั้งเป็นชมรมนาฏศิลป์ขึ้น นอกจากที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ในเรื่องการร้อง เล่น เต้น รำ ที่ครูได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยคงแบบแผนท่ารำที่ถูกต้องของนาฏศิลป์ไทยเอาไว้ อาทิ การแสดงชุดอะเมซิ่งไทยแลนด์, การแสดงชุดช้าง เป็นต้น ครูยังพยายามสอดแทรกเรื่องการปฏิบัติตัวที่ดีในสังคม มารยาท คุณธรรม จริยธรรม ให้เด็กๆ ได้ซึบซับอยู่เสมอ

“ที่สำคัญคือ ครูจะทำให้เด็กๆ ได้เห็นความสามารถของตัวเอง และเน้นย้ำให้พวกเขาได้รู้จักภูมิใจ รู้จักคุณค่าของตัวเอง”

อาจเป็นเพราะชีวิตจริงของเด็กเหล่านี้ถูกแวดล้อมไปด้วยสิ่งมอมเมา อบายมุข สิ่งเสพติด ปัญหา ครอบครัวแตกแยก อัตคัดขัดสนทางการเงิน  ดังนั้นครูจึงจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้สอน ได้กล่อมเกลาใกล้ชิด สร้างความดีงามและความสุขเล็กๆ เข้าไปในใจของเด็กๆ แม้จะมีเวลาวันละไม่กี่ชั่วโมงในโรงเรียนก็ตาม

“มีครั้งหนึ่งท้อมาก แต่เด็กๆ ก็มาบอกว่า ครูอย่าเลิกนะ ถ้าครูเลิก พวกหนูไม่รู้จะไปไหน ตรงนี้ทำให้ครูมีแรงสู้ ทิ้งไม่ได้ และไม่เคยคิดจะทิ้งอีกเลย อยากจะบอกว่า ครูไม่เคยเบื่อ ไม่เคยรำคาญ ไม่เคยรังเกียจ ครูรักลูกศิษย์ทุกคนจากใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรักและห่วงได้ขนาดนี้”

จากแนวทางในการสอนและการจัดตั้งชมรมนาฏศิลป์จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์  จึงทำให้ครูณัชตาและคณะครูของโรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ คลองเตย ได้รับการคัดเลือกจากสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานครให้เป็นครูแกนนำในการจัดทำ “หลักสูตรนาฏศิลป์และการแสดงโรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ” ในปี 2530-2549  และได้คิดค้น “ท่ารำนาฎยศัพท์” ขึ้นและได้กลายเป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับนักเรียนระดับประถมศึกษาของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยได้รับการพิมพ์ซ้ำถึง 3 ครั้ง และมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย

ไม่เพียงแต่จะปฏิบัติทำหน้าที่ครูในโรงเรียนอย่างมุ่งมั่นตั้งใจแล้ว เมื่ออยู่นอกรั้วโรงเรียนครูณัชตายังอุปการะนักเรียนถึง 11 คนให้มาอยู่ในการดูแล โดยทำหน้าที่เป็น “แม่” อบรมดูแล สั่งสอน และส่งเสียให้การศึกษาจนประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นที่ยอมรับและเป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นน้องทั้งสิ้น อาทิ น.ส.นาทลดา ธรรมธนาคม ยุวทูตกรุงเทพมหานคร รุ่นที่ 1 ปี 2534 นักร้องยุวชนดีเด่นแห่งประเทศไทย ปี 2535 ปัจจุบันเป็นนักร้องโอเปร่ามีผลงานทั้งในระดับประเทศและระดับสากล  นายยุทธนา อัมระรงค์ ยุวทูตกรุงเทพมหานคร รุ่น 4 ปี 2537 ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษและประธานบริษัท คิดบวกสิปป์ จำกัด เป็นต้น

“ครูแอน” น.ส.แอนเจอร่า ซีลิ่ง ศิษย์เก่าที่ปัจจุบันกลับมารับราชการครู โรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจฯ เล่าว่า เป็นเด็กที่เติบโตอยู่ในครอบครัวที่แตกแยก เข้ามากกรุงเทพพร้อมกับน้องสาวมาอยู่ใต้ทางด่วนกับป้า จนได้เข้าเรียนที่โรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ  และได้รู้จักครูจิ๋มครั้งแรกเพราะอยากเข้ามาในห้องนาฏศิลป์ เพราะเป็นห้องที่สวย สะอาดและดูปลอดภัย ต่อมาครูจิ๋มรับตัวเองและน้องสาวพร้อมกับเพื่อนๆ อีกหลายคนมาเลี้ยงดูเหมือนลูก คอยดูแลส่งเสียจัดการค่าใช้จ่ายของพวกเราทุกคน จนทำให้ตนเองสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และอยากกลับมาช่วยเหลือคุณครูดูแลน้องๆ เหมือนกับที่ตัวเองเคยได้รับโอกาส

“ชมรมนาฎศิลป์ทำให้รู้สึกว่าปลอดภัยเพราะที่ที่ฉันอยู่มีแต่ภัยยาเสพติดรอบๆชุมชน แม้ว่าเด็กแต่ละคนมือเล็บดำสกปรก แต่ครูไม่เคยรังเกียจกลับจับมือเด็กทุกคน ทำให้ประทับใจถึงคำว่า ครู เพราะครูไม่เคยเลือกเด็ก เป็นทั้งที่ปรึกษาเรื่องการเรียนและเรื่องส่วนตัว ครอบครัว พร้อมทั้งแนะแนวทางแก้ไข และการสอนของครูก็ต่างไปจากครูคนอื่นๆ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นโรงเรียนเดียวที่มีหลักสูตรเฉพาะทางนาฏศิลป์และการแสดง เป็นที่ยอมรับทั้งกรุงเทพมหานครในเรื่องการแสดงและคุณภาพ”

 “เล็ก” นส.ดลลดา ธรรมธนาคม นักเรียนรางวัลพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปี 2537 ปัจจุบันเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส โรงแรมชั้นนำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  กล่าวว่า คุณครูเป็นคนแรกที่ฉันกอด ท่านกอดนักเรียนทุกคน ไม่ว่าเด็กนักเรียนที่ชุมชนแออัดจะเป็นอย่างไรก็ตามคุณครูไม่เคยรังเกียจ หากมีลูกศิษย์ที่ทำผิดครูมักจะคอยตักเตือนสั่งสอนอยู่เสมอ ทำให้เรามีความสุขและชอบกลับมาหาครู การสอนของครูจะมีวิธีการสอนที่ไม่เหมือนคนอื่น ทำให้ชั่วโมงนาฏศิลป์ไม่น่าเบื่อ ทั้งเรียนกิจกรรมกลุ่ม ใครที่ไม่ถนัดรำไทยครูก็ให้กำลังใจและสนับสนุนนักเรียนที่มีทักษะ จนตนได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นยุวทูตกรุงเทพมหานครเดินทางแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นการเปลี่ยนชีวิต เปิดโอกาสให้เด็กจากชุมชนแออัดได้มีโอกาสเรียนรู้สู่โลกภายนอก ซึ่งในการแสดงทุกครั้งจะได้เบี้ยเลี้ยงครูจะเปิดบัญชีธนาคารใกล้ๆโรงเรียนไว้ให้ นับว่าเป็นบัญชีแรกในชีวิตที่มีค่ามาก เพราะเป็นบัญชีที่เก็บเงินสำหรับการเรียนต่อในชั้นที่สูงขึ้น

จากความพยายามมุมานะมาร่วม 30 ปี ถึงวันนี้ชมรมนาฏศิลป์ โรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจฯ ได้รับรางวัลทั้งในระดับชุมชน ระดับประเทศ และระดับสากล จากหน่วยงานต่างๆ มาอย่างมากมาย เป็นการยืนยันได้ถึงความมุ่งมั่นของครูณัชตาในการทำงานในฐานะครูมืออาชีพ ครูผู้เป็นแม่ และครูผู้สร้างสรรค์ จนเป็นหนึ่งในผู้ได้รับการเสนอชื่อครูผู้สมควรได้รับพระราชทาน “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” และผ่านการพิจารณาให้ได้รับรางวัลในระดับ “ครูยิ่งคุณ” ประจำปี 2558 ของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และกระทรวงศึกษาธิการ

            “ครูและเด็กๆ ทุกคน คงมาถึงวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความเมตตา ความเข้าใจ ความช่วยเหลือ และการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในสังคม และที่ขาดไม่ได้คือ ศิษย์รุ่นพี่ที่กลับมาช่วยถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์สู่รุ่นน้องมาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่สร้างความสุขและความภูมิใจให้กับครูได้มากที่สุด คือ การที่เด็กๆ ได้ค้นพบศักยภาพที่ดีงามของตนเอง รู้จักมุ่งมั่นในการทำความดี มีศีลธรรม ตั้งใจเรียนและต้องการที่จะเรียนต่อในระดับสูงขึ้นไปเพื่อที่ได้จะมีหน้าที่การงานและชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเหลือตัวเขาเอง ยังสามารถช่วยครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติต่อไปได้”

ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่าการที่ได้รับการเสนอชื่อรับรางวัล “ครูเจ้าฟ้ามหาจักรี” ในครั้งนี้ นั้นนับเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลของตนเองและเด็กๆ ทุกคนของโรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจอย่างที่สุด  “ไม่นึกไม่ฝันว่าชีวิตของครูและลูกศิษย์ตัวเล็กๆ เหล่านี้จะได้รับรู้ถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ไม่ว่าจะได้รับรางวัลหรือไม่ ก็จะมุ่งมั่นทำหน้าที่ บำรุงความรู้และความสุขให้แก่ศิษย์ในทุกๆ ทางจนตราบชีวิตจะหาไม่”

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี นับเป็นรางวัลระดับนานาชาติเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระปรีชาด้านการศึกษา  โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตตั้งนาม“รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครูผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ สร้างคุณประโยชน์ต่อการศึกษาในประเทศต่างๆภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 11 ประเทศ ประเทศละ 1 รางวัล โดยจัดมอบรางวัลในทุก 2 ปี ซึ่งจะพระราชทานรางวัลครั้งแรกในวันที่ 2 ตุลาคม 2558.

กันยายน 7, 2015
Camera 360

ณัชตา ธรรมธนาคม แม่ครูผู้ใช้นาฎศิลป์เปลี่ยนชีวิต

Follow “ณัชตา ธรรมธนาคม” แ […]
กันยายน 7, 2015
20150907-7_pmca004

ทิพย์ภาพร เนตรแก้ว แม่ครูของเด็กผู้พิการ

Follow   “ทิพย์ภาพร เ […]
กันยายน 7, 2015
20150907-6_pmca008

มลิวัลย์ ธรรมแสง ครูผู้อุทิศตนเพื่อคนพิการทางการได้ยิน

Follow “มลิวัลย์ ธรรมแสง” […]
กันยายน 7, 2015
20150907-5_pmca008

สมหมาย สำราญบำรุง สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังป้องกัน “โรคเพศสัมพันธ์”

Follow “สมหมาย สำราญบำรุง” […]