ปลุกพลัง “คนไทยทั้งชาติ” ร่วมเฟ้นหา ‘ครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี’…ครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงชีวิตศิษย์ สร้างแรงบันดาลใจและคุณูปการแก่วงการศึกษาไทย’ พร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจ “คณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด” 4  ภูมิภาค

photo-15photo-1
วันที่ 9 กันยายน 2557 ณ โรงแรมทวินโลตัส จ.นครศรีธรรมราช มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจัดประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อชี้แจ้งทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ จำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง สงขลา ภูเก็ต ระนอง สตูล นราธิวาส ยะลา ปัตตานี

นพ.สุภกร บัวสาย กรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี กล่าวว่า รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเกิดขึ้นจากความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการศึกษาแก่ประชาชนชาวไทยตลอดมา สำนักงานคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดตั้งรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีขึ้น โดยมีมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเป็นหน่วยงานหลักในการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล และมีสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เป็นหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติงาน ซึ่งรางวัลนี้จะเป็นรางวัลระดับนานาชาติ มี 10 ประเทศในอาเซียน และติมอร์ เลสเตร่วมคัดเลือกยอดครูของแต่ละประเทศคู่ขนานไปกับประเทศไทย โดยในส่วนของประเทศไทยต้องการให้รางวัลนี้สร้างการมีส่วนร่วมของคนทั้งประเทศ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการเสนอชื่อผ่านประชาชนในท้องถิ่นมีสิทธิเสนอชื่อครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของแต่ละบุคคล โดยจะมีคณะกรรมการระดับจังหวัดในการคัดเลือกรายชื่อครูที่มีคุณสมบัติสูงตามเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อกลั่นกรองในระดับประเทศตามอัตราส่วนขนาดประชากรแต่ละจังหวัดต่อไป ทั้งนี้ ผู้ได้รับคัดเลือกจะได้รับเหรียญรางวัล ประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐฯ

“รางวัลนี้มีความแตกต่างจากรางวัลอื่นๆ ตรงที่มุ่งเฟ้นหา “ครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงแก่ศิษย์ สร้างแรงบันดาลใจแก่เพื่อนครู และคุณูปการแก่วงการศึกษาไทย”  ซึ่งจะมิได้มุ่งวัดครูเพียงผลงานเชิงเอกสาร หรือเลือกที่ครูเป็นคนดี หรือสอนดีเท่านั้น ทั้งนี้คุณสมบัติหลักของครูที่ถูกเสนอชื่อจะมีอายุการทำงานประมาณ 20 ปีขึ้นไป  เป็นผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสถานศึกษาของรัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเป็นครูนอกสถานศึกษา ยังทำการสอนหรือบำเพ็ญประโยชน์ด้านการศึกษาในปัจจุบัน และไม่เป็นผู้ประกอบอาชีพครูสอนพิเศษเป็นอาชีพหลัก

photo-7นายนคร ตังคะพิภพ  กรรมการวิชาการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี กล่าวถึงการเสนอชื่อครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสำหรับประเทศไทยว่า ทำได้ 3 ช่องทางในระดับจังหวัด คือ 1) ศิษย์เก่าอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีเป็นผู้เสนอ 2) สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา และ 3) สมาคม มูลนิธิ องค์กรที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล  และมีภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้  เสนอได้องค์กรละ 1 ท่าน โดย ครูผู้มีคุณสมบัติสูงตามเกณฑ์จะได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการระดับจังหวัด ไปยังคณะกรรมการส่วนกลาง นอกจากจากนี้ยังมีช่องทางให้องค์กรระดับชาติที่เคยจัดมอบรางวัลอย่างเป็นระบบ ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 ปี สามารถเสนอชื่อครูไปยังคณะกรรมการส่วนกลาง องค์กรละ 1 ท่านได้โดยตรง ซึ่งครูที่ผ่านการคัดเลือกในระดับจังหวัดจะได้รับรางวัล “ครูขวัญศิษย์” ส่วนครูที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการส่วนกลางจะได้รับรางวัล “ยิ่งคุณ” และครูที่ผ่านการคัดกรองเชิงลึกจะได้รับรางวัล “คุณากร” ก่อนที่คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจะพิจารณาตัดสินครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเพียงท่านเดียว เพื่อรับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุ 60 พรรษา  ซึ่งจะถือเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครูไทยที่ดีของเรา และครูดีของชาติต่างๆในอาเซียนผ่านกิจกรรมในลักษณะต่างๆร่วมกัน

photo-20 photo-11
ทั้งนี้จะมีการจัดประชุมเพื่อชี้แจ้งทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในอีก 2 ภูมิภาคได้แก่  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรมเดอะ กลาเซีย จ.ขอนแก่น (11 ก.ย.) และภาคกลาง ณ อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี (17 ก.ย.) หลังจากที่ได้มีการจัดประชุมทำความเข้าใจในภาคเหนือ ณ โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว จ.เชียงใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02-619-1811 www.PMCA.or.th  และเฟสบุ๊ครางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

 

Comments are closed.