เยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย – กันยายน 2568 – คณะผู้แทนมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (PMCAF) นำโดย ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิฯ ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 7–9 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของมูลนิธิในการยกย่องและสนับสนุนครูผู้มีผลงานโดดเด่นใน 14 ประเทศทั่วเอเชีย โดยการเยือนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาของ สปป.ลาว และพบกับผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2568 จาก สปป.ลาว ได้แก่ครูบุนมา โพธิลาด 

    วันที่ 8 กันยายน  2568 ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิฯ พร้อมด้วยนางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันท์  นำคณะกรรมการมูลนิธิฯ เดินทางไปยังกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาของ สปป.ลาว. เพื่อพบกับ ท่าน แสงสะเดน บุนลาวง รักษาการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการฯ ท่าน ปอ ตุดาวัน หน่อเมืองเสด อธิบดีกรมจัดตั้ง และพนักงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา โดยมีครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีทั้ง 6 รุ่นเข้าร่วม ได้แก่ ครูคำซ้อย วงสัมพัน ปี 2557 ครูคุนวิไล เคนกิติสัก ปี 2559 จากนครหลวงเวียงจันท์ ครูไพสะนิด ปันยาสะหวัด ปี 2561 จากนครหลวงพระบาง ครูแสงเพ็ด บุนประเสิด ปี 2563 จากแขวงอุดมไซ ครูกิมเฟือง เฮืองมะนี ปี 2565 จากแขวงเซกอง และครูบุนมา โพธิลาด ปี 2568  จากนครหลวงเวียงจันท์ เข้าร่วมในประชุม

    โดยมีการหารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา สปป.ลาว กับมูลนิธิฯ พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับพิธีมอบรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ณ ประเทศไทย รวมทั้งการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง เพื่อสานต่อความร่วมมือในการทำงานร่วมกันของสองประเทศต่อไป

คณะกรรมการมูลนิธิฯ พบเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันท์และภาคเอกชนไทยในสปป.ลาว

บ่ายวันที่ 8 กันยายน  2568 ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิฯ นำคณะ เข้าพบ นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันท์ โดยมีนางสาวพันธนา ประกอบชาติ อัครราชทูตที่ปรึกษา และคณะร่วมให้การต้อนรับ โดยมีโดยมีท่าน สีสะภหมุด แสนบุดตะลาด รองอธิบดี กรมร่วมมือกับต่างประเทศ เข้าร่วม และได้พบปะผู้แทนภาคเอกชนไทยใน สปป. ลาว และสื่อมวลชนของ สปป.ลาว เพื่อแนะนำครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจาก สปป.ลาว 

ในงานนนี้คณะกรรมการมูลนิธิฯ เอกอัครราชทูตฯ และภาคเอกชนไทยใน สปป.ลาว อาทิ ซีพีลาว ปตท.ลาว ซีเค พาวเวอร์ มิตรลาว มอนซุนวินลาว อมตะ ซิตี้ ลาว และโรงไฟฟ้าหงสา ได้หารือเกี่ยวกับกิจกรรมของภาคเอกชนไทยด้านการสนับสนุนด้านการศึกษา การสร้างอาชีพและการฝึกวิชาชีพ การส่งเสริมโอกาสในการทำงาน การพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมและชุมชนใน สปป. ลาว ตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนและการทำงานของครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี รุ่นที่ 1-6 โดยภาคเอกชนใน สปป.ลาว มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการศึกษาและครูอย่างเป็นรูปธรรม บริษัทต่าง ๆ ไม่ได้จำกัดเพียงการลงทุนทางเศรษฐกิจ แต่ยังเข้าไปช่วยเหลือโรงเรียนและชุมชนการศึกษาโดยตรง ตัวอย่างเช่น ซีพีลาว จัดโครงการเลี้ยงไก่ไข่ในโรงเรียนที่หลวงพระบาง ให้นักเรียนได้ทั้งอาหารกลางวันและความรู้ด้านเกษตร ขณะที่ซีเค พาวเวอร์ สนับสนุนวัสดุซ่อมแซมอาคารเรียนและสอนนักศึกษาอาชีวะให้ใช้วัสดุอย่างถูกวิธี 

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา หลายบริษัทได้เข้ามาสนับสนุนครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในหลายด้าน อาทิ บริษัทมิตรลาว (ในเครือน้ำตาลมิตรผล) ได้ช่วยซ่อมแซมหลังคาของอาคารเรียนให้กับโรงเรียนครูคูนวิไล เคนกิติสัก ครูรางวัลฯ ปี 2560 และยังได้ร่วมมือกับครูคูนวิไลให้ไปช่วยพัฒนาครูในพื้นที่ทีมิตรลาวทำงาน และยังสร้างเนสเซอรี่ช่วยจัดการเลี้ยงดูและส่งเสริมการพัฒนาลูกๆ ของแรงงานในโรงงาน ส่วนมอนซุนวิน ลาว ให้การสนับสนุนครูท้องถิ่นโดยปีที่ผ่านมาได้ช่วยติดตามระบบไฟฟ้าให้กับโรงเรียนบ้านเพียะใหม่ เมืองละมาม แขวงเซกอง โรงเรียนของครูกิมเฟือง เฮีองมณี ครูรางวัลฯ ปี 2566 และจัดอาหารกลางวันแก่โรงเรียน โรงไฟฟ้าหงสาเองก็ช่วยกิจกรรมการเรียนรู้ในหลวงพระบางและสร้างชมรมอาสาสมัครเยาวชนเพื่อเสริมบทบาทการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่น ๆ เช่น เบทาโก ลาว ACG ลาว และราดลาว ที่มุ่งพัฒนาการศึกษาในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการมอบทุน การสร้างอาคารเรียน หรือการทำงานร่วมกับชุมชน ความร่วมมือเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนในลาวได้ก้าวสู่การเป็นหุ้นส่วนสำคัญของครูและโรงเรียน ช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและเสริมคุณภาพการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ในการหารือร่วมกันนี้ ยังได้นำไปสู่ความร่วมมือในการสนับสนุนครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีทั้งในการขยายผลพื้นที่การช่วยเหลือและต่อยอดการช่วยเหลือ โดยจะมีการประสานความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทยในสปป.ลาว กับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันท์ กับมูลนิธิฯ และคณะกรรมการภาคสังคมที่มีภาคเอกชนไทยร่วมเป็นคณะกรรมมการให้ทราบข้อมูลเพื่อสานต่อการทำงานร่วมกันต่อไป

คณะกรรมการมูลนิธิฯ เยี่ยมครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2568 ณ โรงเรียนมัธยมสมบูรณ์จันสว่าง

บ่ายวันที่ 9 กันยายน  2568 ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิฯ และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนมัธยมสมบูรณ์จันสว่าง เมืองสีโคตรตะบอง นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อเยียมเยือนนางบุญมา โพธิลาด ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2568 สปป.ลาว พร้อมด้วยนางพิมพิดา รวิรัฐ ธนรัช ที่ปรึกษา จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันทน์  ท่านนางเวียงพัน ไชยะลาด นักวิชาการ กรมร่วมมือกับต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา และครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี สปป.ลาว รุ่น 1 – 6 ร่วมเดินทางในครั้งนี้ โดยมีท่าน ทะวิไช เหมาชมพู เจ้าเมือง สีโคตตะบอง (นายอำเภอ) ท่าน จันทามะนี ใสปะเสิด เลขาท่านเจ้าเมือง สีโคตรตะบอง ท่านนาง ลีป่าเอี้ย ลีบัวเปา หัวหน้าแผนกศึกษาธิการ และกีฬา นครหลวงเวียงจันทน์ พระอาจารย์ สมยศ แสงสว่าง เจ้าอธิการวัดจันทร์สว่าง และคณะสงฆ์ ท่าน นางทุมมี ทุมมะวง ประธานสมาคมพ่อแม่นักเรียน อุดหนุนการศึกษา และท่านทองคำ พมมีไช ที่ปรึกษาสมาคมฯ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พ่อแม่ คณะครูและนักเรียนให้การต้อนรับ 

ครูบุญมาผู้อุทิศตนด้านการศึกษาเกือบ 20 ปี ครูบุญมาเป็นทั้งผู้บริหารและครูผู้สอนวิชาเคมีและวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมสมบูรณ์จันสว่าง ที่มีนักเรียนเกือบ 2,000 คนจากหลากหลายภูมิหลัง ทั้งเด็กยากจน เด็กพิการ เด็กชาติพันธุ์ และสามเณรมาเรียน โดยการสอนต้องแบ่งเป็นภาคเช้าและภาคบ่ายสลับกัน 

ในการเยี่ยมครั้งนี้ คณะได้ชมการสาธิตการสอนของครูบุญมา โดยสอนเคมีหัวข้อ “ยาเสพติดให้โทษ” (เคมีกับผลกระทบที่เกิดกับร่างกาย) ที่ครูบุญมาใช้สื่อสดประกอบการสอนสาธติสร้างความเข้าใจให้แก่เด็ก ๆ อาทิ การทดลองเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของตับสดหลังแช่นในน้ำเปล่ากับน้ำสุรากลั่น (เหล้าขาว) เพื่อให้นักเรียนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่เกิดขึ้นกับตับเมื่อถูกแช่ในน้ำที่มีคุณสมบัติต่างกัน เป็นต้น อีกทั้งยังได้เยี่ยมชมห้องเรียนที่มีนักเรียนกว่า 100 คนต่อห้อง ห้องคอมพิวเตอร์ และห้องสมุด นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงปัญหาและแนวทางพัฒนาการศึกษาในอนาคต

โรงเรียนแห่งนี้ยังปลูกฝังทักษะชีวิตให้นักเรียน เช่น การทำผลิตภัณฑ์ชุมชน การขายสินค้า และการปลูกผักเพื่ออาหารกลางวัน แม้ทรัพยากรจำกัด แต่ด้วยความทุ่มเทของครูบุญมาที่ได้ร่วมมือกับชุมชนและภาคเอกชนในการพัฒนาโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักเรียนสามารถรักษาคุณภาพการเรียนในระดับสูง และส่งศิษย์จำนวนมากต่อยอดสู่มหาวิทยาลัยและอาชีพที่มั่นคง

บรรยากาศการเยี่ยมเยือนปิดท้ายด้วยพิธีบายศรีสู่ขวัญอันอบอุ่น และการรับประทานอาหารร่วมกับคณะครูและชุมชนในพื้นที่ ก่อนเดินทางกลับ