มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีนำเครือข่ายครูศึกษางานอุตสาหกรรมชีวภาพต่อยอดพัฒนาศิษย์

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีนำเครือข่ายครูศึกษางานอุตสาหกรรมชีวภาพต่อยอดพัฒนาศิษย์


มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับกลุ่มมิตรผล จัดกิจกรรมส่งเสริมเครือข่ายครูเพื่อพัฒนาศักยภาพ ศึกษาดูงานด้านอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาล และเทคโนโลยีชีวภาพครบวงจร ณ อุทยานมิตรผลภูเขียว และหนองแซงโมเดล อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ให้กับครูเครือข่ายมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

การจัดโครงการศึกษาดูงานด้านอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาล และเทคโนโลยีชีวภาพครบวงจรครั้งนี้ ได้จัดขึ้น ณ อุทยานมิตรผลภูเขียว อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2563

ทั้งนี้ การก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจฐานชีวภาพ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยได้ให้ความสำคัญต่อการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพในเชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยเน้นการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่พืชเศรษฐกิจ และสามารถนำมาใช้ทดแทนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไปได้ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยประเทศไทยก็อาศัยแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ

ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมเครือข่ายครูเพื่อพัฒนาศักยภาพครูครั้งนี้ เพื่อเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ให้กับครูเครือข่าย เพราะมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี พบว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อการพัฒนาการทำงานของครู หากเครือข่ายครูจำนวนมากกว่า 500 คน ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศที่สามารถเป็นกำลังในการพัฒนาการศึกษา เพื่อให้เกิดการสานต่องานและต่อยอดขยายผลการทำงานของครูในการนำไปสู่การส่งเสริมให้นักเรียนพัฒนาโครงงานทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ต่อไป

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี นำเครือข่ายครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครูรางวัลยิ่งคุณ และครูขวัญศิษย์ ประกอบด้วย โรงเรียนสตรีชัยภูมิ โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ โรงเรียนกมลาไสกาฬสินธุ์ โรงเรียนชุมชนหนองยางวิทยาคมกาฬสินธุ์ โรงเรียนหินลาดนารายณ์สารกาฬสินธุ์ โรงเรียนอนุบาลดอนไผ่หนองคาย โรงเรียนมัธยมวานรนิวาสสกลนคร โรงเรียนหล่มเก่าพิทยาคมเพชรบูรณ์ โรงเรียนเมืองราดวิทยาคมเพชรบูรณ์ โรงเรียนบ้านห้วยมุ่นเพชรบูรณ์ โรงเรียนบ้านท่าผูเพชรบูรณ์ โรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์สุรินทร์ โรงเรียนเมืองแกพิทยาสวรรค์สุรินทร์ โรงเรียนทุ่งกุลาพิทยาคมสุรินทร์ และครูรางวัลจากสุราษฎร์ธานี ศึกษางานอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาล และเทคโนโลยีชีวภาพ ต่อยอดพัฒนาการเรียนรู้ของศิษย์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 ณ อุทยานมิตรผลภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ

ทั้งนี้ รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยของกลุ่มมิตรผลและคณะ ให้การต้อนรับและได้ชี้ให้เห็นนวัตกรรมของกลุ่มมิตรผลแบ่งออกเป็นธุรกิจน้ำตาล และธุรกิจพลังงาน ซึ่งกลุ่มมิตรผลเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และอันดับ 1 ของไทย โดยระบุว่า กลุ่มมิตรผลได้คัดสรรอ้อยคุณภาพดีเข้าสู่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยจนเกิดเป็นหลากหลายผลิตภัณฑ์น้ำตาลคุณภาพมาตรฐานสากล สำหรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้การจัดการไร่อ้อยสมัยใหม่คือ มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการไร่อ้อยที่ประยุกต์แนวคิดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย เพื่อให้ชาวไร่อ้อยมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดต้นทุน ลดการใช้แรงงาน อนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี

ส่วนธุรกิจด้านพลังงาน กลุ่มมิตรผลแบ่งเป็น ไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าชีวมวลรายใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก โดยการใช้ชานอ้อยจากกระบวนการผลิตน้ำตาล และชีวมวลทางการเกษตรถูกนำมาพัฒนาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการผลิตเป็นไฟฟ้าชีวมวล หนึ่งในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของกลุ่มมิตรผลที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างยั่งยืนให้แก่ประเทศไทย

ด้านเอทานอล ซึ่งกลุ่มมิตรผลเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอาเซียน ด้วยการนำน้ำอ้อยและโมลาสที่เป็นผลพลอยได้จากระบวนการผลิตน้ำตาลถูกนำมาพัฒนาต่อยอดสู่การผลิตเอทานอล บริสุทธิ์คุณภาพสูง ที่นำไปผสมกับน้ำมันเบนซินจนเกิดเป็นน้ำมันแก๊ซโซฮอลสำหรับรถยนต์ จึงช่วยลดการนำเข้าน้ำมันดิบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยอย่างยั่งยืน

กลุ่มมิตรยังมีอีกหนึ่งผลผลิตที่ต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากกระบวนการผลิตเอทานอลที่เกิดจากการปั่นแยกยิสต์ออกจากน้ำหมัก และนำไปพัฒนาเพิ่มความเข้มข้นอบแห้งจนได้ยิสต์ที่สามารถใช้เป็นส่วนผสมสำหรับอาหารสัตว์ ทดแทนปลาป่นหรือถั่วเหลืองที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทย

ขณะที่เครือข่ายครูของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีที่ศึกษาการผลิตและนวัตกรรมของกลุ่มมิตรผลในครั้งนี้นั้น โดย นายเฉลิมพร พงศ์ธีระวรรณ ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2558 จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เปิดเผยว่า จากการที่ได้ดูงานของโรงงานมิตรผลก็ทำให้เปิดโลกทัศน์ว่าในประเทศไทยก็มีโรงงานที่สามารถที่จะผลิตโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุด ซึ่งอันนี้ก็มีหลายแง่มุมที่สามารถนำไปจัดการเรียนรู้ได้ เพราะว่าทุกขั้นตอนของการผลิตนั้นก็จะมีนวัตกรรมของเขา ถ้าเราดูดี ๆ นวัตกรรมทุกขั้นตอนของการผลิต ไม่ว่าจะทำเป็นน้ำตาล ทำเป็นพลังงาน แต่ละขั้นตอน เขาจะมีนวัตกรรมของเขา ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยน่าจะมีโรงงานอย่างนี้มาก ๆ เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียนและให้กับครู ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ของครูว่า ณ ปัจจุบันนี้เขาทำอะไรกันอยู่ เขาจะสอนนักเรียนไปทางไหน ซึ่งครูจะได้ไม่หลงทาง ปัจจุบันนี้ครูโดยส่วนใหญ่จะสอนให้จำและนำไปทำข้อสอบอย่างเดียว ทำให้ไม่เกิดนวัตกรรม จึงเห็นว่าครูควรจะต้องมารับองค์ความรู้จากโรงงานเหล่านี้เพื่อจะได้เห็นการพัฒนาในทางนวัตกรรม เพราะถ้าให้นักเรียนจำอย่างเดียวแล้ว นักเรียนจะทำอะไรไม่เป็นเลย

นายเฉลิมพร ให้ทัศนะอีกว่า การเรียนรู้ของนักเรียนจะต้องลงมือปฏิบัติผ่านกิจกรรมเพื่อให้เกิดการคิด เมื่อเกิดกระบวนการคิดก็จะสามารถนำองค์ความรู้ที่เขารู้ไปพัฒนาเป็นนวัตกรรมได้ อันนี้จะเป็นแนวทางการเรียนรู้ที่ถูกต้อง นั่นก็คือสอนให้เขาสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดให้เป็นนวัตกรรมโดยผ่านกระบวนการคิด หรืออีกแนวหนึ่งในปัจจุบันนี้ก็คือ สะเต็มศึกษา คือ แนวทางการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ไปใช้ในการเชื่อมโยงและแก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการหรือผลผลิตใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งสะเต็มศึกษาจะได้ถูกออกแบบในบริบทของเขา

ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2558 กล่าวถึงครูเครือข่ายที่มาศึกษาดูงานในครั้งนี้ด้วยว่า เครือข่ายครูจะได้นำประสบการณ์ในพื้นถิ่นซึ่งเป็นบริบทของครูในเรื่องการทำไร่อ้อยและน้ำตาล ซึ่งเขาสามารถนำเอาสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นไปทำการสอนที่ดีมากขึ้น และสามารถที่จะนำพานักเรียนให้เกิดกระบวนการคิด เกิดกระบวนการสร้างนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำไปสอดแทรกในวิชาสะเต็มศึกษาได้เลย คือนำเอาปัญหาจากท้องถิ่นและนำมาแก้โดยกระบวนการวิศวกรรมโดยอาศัยวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้ามาบูรณาการ เช่น หลักสูตรของ สสวท.ที่มีการสอนอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องนโยบายที่สอนให้นักเรียนสร้างนวัตกรรมได้เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะ สสวท.ก็สนับสนุนครูวิทยาศาสตร์ทำการสอนโดยใช้กระบวนการสะเต็มอันนำไปสู่นวัตกรรม ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายที่ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น ครูจะต้องนำแนวทางนี้ไปปฏิบัติให้เกิดเป็นชิ้นงานขึ้นมา เพราะเมื่อนำไปสอนนักเรียนแล้ว นักเรียนจะเกิดผลงานอะไรบ้าง โดยอาศัยท้องถิ่นของตนเอง โดยใช้บริบทใกล้ตัว เช่นอาชีพของท้องถิ่น อาชีพของผู้ปกครองที่มีอยู่เป็นฐานในการเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้เขาเรียนรู้ได้ง่าย มิใช่นำบริบทที่กรุงเทพฯ มา แต่ต้องนำบริบทของท้องถิ่นของตนเอง

“สำหรับครูที่มาศึกษาดูงานครั้งนี้เป็นครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในระดับครูยิ่งคุณ ครูขวัญศิษย์ ซึ่งเขาก็มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เขาได้เข้ามาเติมเต็มบางอย่างก็จะสามารถพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของเขาได้ดียิ่งขึ้น และมองเห็นแนวทางที่ชัดขึ้นในการจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียน ครูเหล่านี้พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอยู่แล้ว” ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสนับสนุนครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจาก สปป. ลาว รุ่นที่ ๓ ปี ๒๕๖๒ ศึกษาดูงานการจัดการศึกษาของโรงเรียนและโครงการในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ในจังหวัดน่านและแพร่

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสนับสนุนครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจาก สปป. ลาว รุ่นที่ ๓ ปี ๒๕๖๒ ศึกษาดูงานการจัดการศึกษาของโรงเรียนและโครงการในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ในจังหวัดน่านและแพร่

เมื่อวันที่ ๑ – ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓  ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี และคณะจัดกิจกรรมศึกษาดูงานให้กับครูไพสะนิด ปันยาสะหวัด และคณะครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีประจำประเทศลาว ปี พ.ศ. ๒๕๖๒  ประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งได้นำคณะผู้บริหารและคณะครู ๙ ท่านจากโรงเรียนมัธยมศึกษาสันติภาพ นครหลวงพระบาง สปป.ลาว มาศึกษาดูงานด้านการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ของโรงเรียนไทยในจังหวัดน่านและแพร่ รวมทั้งโครงการในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่หลวงพระบาง 

กิจกรรมทัศนศึกษาครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือ กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  (มจธ.) ศูนย์ประสานงานในพื้นที่น่าน และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาพื้นฐาน ผ่านสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๓๗ (แพร่-น่าน) และหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้แทนกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)  ในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เข้าร่วมศึกษาดูงานกับคณะครู สปป.ลาว ในครั้งนี้ด้วย 

ในการนี้ ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี และที่ปรึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  (มจธ.) กล่าวว่า 

“การจัดกิจกรรมศึกษาดูงานในครั้งนี้เป็นโครงการที่จัดให้ตามที่คณะครูไพสะนิด ปันยาสะหวัด จากนครหลวงพระบาง สปป.ลาว ได้เสนอความต้องการที่อยากจะเรียนรู้ โดยทางมูลนิธิฯ ได้เลือกพื้นที่สำหรับศึกษาดูงานโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ครูจากสปป.ลาวจะนำไปต่อยอดการพัฒนาการเรียนรู้และการศึกษาที่ใกล้เคียงกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดน่านนี้มีพื้นที่ที่อยู่ในโครงการในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาการศึกษา และการส่งเสริมวิทยาศาสตร์นวัตกรรมต่างๆ เพื่อชีวิต อยู่หลายแห่งที่น่าจะช่วยเปิดโลกทัศน์และสร้างประสบการเรียนรู้ให้กับครูได้เห็นทั้งโจทย์การศึกษา นวัตกรรม และมิติของการสร้างทักษะให้กับเด็กเยาวชนในอนาคตได้” 

ทั้งนี้ กิจกรรมศึกษาดูงานประกอบด้วยการศึกษาโครงการในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาการศึกษา และการส่งเสริมวิทยาศาสตร์นวัตกรรมต่างๆ เพื่อชีวิต โรงเรียนและแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม 

๑. การศึกษาดูงานโครงการในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีสำนักงาน มจธ.พื้นที่จังหวัดน่าน เป็นหน่วยประสานและปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งได้ศึกษาดูงานการจัดการศึกษาสำหรับเด็กบนพื้นที่สูงและในถิ่นทุรกันดาร ได้แก่โรงเรียนมัธยมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน เป็นโรงเรียนที่มีการจัดการศึกษาแบบทวิภาคีร่วมกับวิทยาลัยการอาชีพปัว เน้นการสร้างทักษะอาชีพให้กับผู้เรียน และโรงเรียนบ้านสว้า มีห้องเรียนสาขา ๓ แห่งในหมู่บ้านบนดอยที่ห่างไกล คือ บ้านป่ากำ ขุนน้ำจอน ห้วยลัวะ ที่เน้นการสร้างโอกาสการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และทักษะการทำงานและดำรงชีวิต

๒. การศึกษาการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านในชุมชนบ้านบ่อหลวง แหล่งผลิตเกลือสินเธาว์แบบโบราณ อายุกว่า ๗๐๐ ปี และเยี่ยมชม “กาดละอ่อน” โดยมีมัคคุเทศก์น้อยของชุมชนบ่อหลวงพาเยี่ยมชน จากนั้นยังได้การศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวมละบริในศูนย์วัฒนธรรมภูฟ้า ชุมชนชาวลั้วะที่พัฒนาเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่  ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ อ.ภูเพียง จ.น่าน ศูนย์กลางการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนระหว่างเกษตรกรคนในชุมชน โดยมีพ่อสำรวย ผัดผล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองจัง จังหวัดน่าน ประธานมูลนิธิฮักเมืองน่านผู้บุกเบิกศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ มาร่วมให้ความรู้เรื่องการทำงานของศูนย์ฯ เพื่อสร้างองค์ความรู้เรื่องข้าว เกษตรกรรมและการจัดการน้ำในจังหวัดน่าน

๓. การศึกษาเยี่ยมชมศาสนาสถาน โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม อาทิ การเยี่ยมชมวัดหนองบัว หรือวัดไทลื้อ  ซึ่งเป็นวัดของชาวไทลื้อ มีพิพิธภัณฑ์ไทลื้อ และภายในวัดยังมีจิตรกรรมฝาผนังร่วมเชื่อว่ามาจากช่างร่วมยุคสมัยกับวัดภูมินทร์ และยังมีภาพเด่นของหนุ่มสาวจูงมือ  สักการวัดพระธาตุแช่แห้ง วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดภูมินทร์ วัดหัวข่วง คุ้มเจ้าราชบุตร และเยี่ยมชมย่านเมืองเก่าของจังหวัดน่าน เดินทางไปสักการวัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง (วัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแพร่) คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ โดยได้เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์วัฒนธรามและความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างน่าน-แพร่กับหลวงพระบาง สปป.ลาว จากวิทยากรท้องถิ่น และพระอาจารย์ตามศาสนาต่างๆ อีกด้วย

๔. การศึกษาดูงานการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดใหญ่โรงเรียนสตรีศรีน่าน อ.เมือง จ.น่าน โรงเรียนพิริยาลัย อ.เมือง จ.แพร่ ที่มีเด็กนักเรียนโดยเฉลี่ย 2,000 กว่าคน เพื่อดูงานการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนทั้งในด้านสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เน้นวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม STEM ศึกษา กิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นจุดแข็งของโรงเรียน และเยี่ยมเยือนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๓๗ (แพร่-น่าน)

ด้านครูไพสะนิด ปันยาสะหวัด สะท้อนว่า การเดินทางมาศึกษาดูงานของคณะครูของโรงเรียนคณะผู้บริหารและคณะครู ๙ ท่านจากโรงเรียนมัธยมศึกษาสันติภาพ นครหลวงพระบาง สปป.ลาว นับว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง 

“ข้าพเจ้าประทับใจในทุกที่ที่ไป และได้เห็นพระบารมีของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทำงานพัฒนาคนและสังคมในหลายมิติ และยังได้เห็นความสัมพันธ์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจังหวัดน่านและแพร่ที่มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของหลวงพระบาง ทำให้เรื่องที่ข้าพเจ้าเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ขยายขอบเขตกว้างขึ้น ซึ่งจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้นี้ไปบอกเล่าถ่ายทอดให้กับเพื่อนครู และไปต่อยอดการจัดการเรียนรู้ของข้าพเจ้าต่อไป ในอนาคตอยากมีกิจกรรมต่อเนื่องที่จะเชื่อมโยงการพัฒนาการเรียนรู้เป็นเรื่องๆ ไป และหากมาโอกาสอยากให้ครูไทยและครูลาวหรือนักวิจัยไทย หรือนักเรียนได้ไปมาหาสู่พัวพันเรียนรู้กันและกันต่อไป โรงเรียนของข้าพเจ้ายินดีต้อนรับหากคณะจากมูลนิธิฯและเครือข่ายจะไปเยี่ยมเยือน” 

ด้านท่านนางบัวทอง  ตันแสนสี รองหัวหน้าแผนกศึกษาธิการ และ กีฬา แขวงหลวงพะบาง กล่าวว่า “ขอขอบใจในมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีที่ได้สนับสนุนโครงการศึกษาดูงานในครั้งนี้ ทำให้ครูของนครหลวงพระบาง ได้มีโอกาสเรียนรู้และมีประสบการณ์ในหลายด้านจากสิ่งที่ได้ดูงาน ซึ่งในฐานะผู้ดูแลด้านการศึกษาที่นครหลวงพระบาง จะนำสิ่งที่ได้กลับไปรายงานทางกระทรวงศึกษาธิการ และกีฬา สปป.ลาว และคงได้หารือกับคณะผู้บริหารและคณะครูที่มาร่วมดูงาน และทบทวนสิ่งที่เราทำอยู่ว่าเราจะสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาต่อยอดพัฒนาการศึกษาของเราให้สอดคล้องกับบริบทของหลวงพระบางได้อย่างไร และขอบใจในความพัวพันและการดูแลอย่างยิ่งครั้งนี้อีกครั้ง” 

 นอกจากสิ่งที่กล่าวนี้ คณะครูจากนครหลวงพระบาง สปป.ลาว และเครือข่ายครูไทย และนักวิจัยในพื้นที่น่าน-แพร่ ยังได้ร่วมกันสะท้อนถึงประสบการณ์และความประทับใจที่ได้พบปะกัน ถือเป็นโอกาสที่จะเชื่อมโยงเครือข่ายการเรียนรู้สร้างความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างเครือข่ายครูสปป.ลาว และเครือข่ายครูไทย เครือข่ายนักวิจัย และนักพัฒนาในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครหลวงพระบางมายังจังหวัดน่านใช้เวลาเดินทางระหว่างกันไม่ไกลที่ทำให้ต่างก็จะกลับไปคิดโจทย์ต่อว่าจะต่อยอดความสัมพันธ์เพื่อสร้างการเรียนรู้ต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ต่อผู้เรียนและชุมชนต่อไป 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จาก สปป. ลาวรุ่นที่ 1 ปี 2557 ร่วมทัศนศึกษาดูงานในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดชัยภูมิ

ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จาก สปป. ลาวรุ่นที่ 1 ปี 2557 ร่วมทัศนศึกษาดูงานในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดชัยภูมิ


28 – 30 มกราคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี นำโดย ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ผู้จัดการมูลนิธิรางวัลเจ้าฟ้ามหาจักรี และคณะเครือข่ายครูในมูลนิธิฯ สถาบันรามจิตติ ได้ต้อนรับครูคำซ้อย
วงสัมพัน ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีประจำประเทศลาวปี พ.ศ.2557 ประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งได้นำคณะผู้บริหารและคณะครู ๒๐ ท่านจากโรงเรียนมัธยมศึกษาสมบูรณ์ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว มาศึกษาดูงานด้านการจัดการเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศส วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ของโรงเรียนไทยในจังหวัดขอนแก่นและชัยภูมิ โดยมีคณะผู้บริหารของโรงเรียนไทย คณะครู ศึกษานิเทศก์ให้การต้อนรับ รวมถึงแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 

ในการนี้ คณะครู สปป.ลาว ได้เข้าเยี่ยมเยือนศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอน  ณ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 จังหวัดขอนแก่น เยี่ยมชมศูนย์พัฒนาภาษาฝรั่งเศส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และแบ่งกลุ่มการศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนเป็นรายวิชา ได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศวิชาฝรั่งเศส กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ศูนย์ STEM ศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นจุดแข็งของโรงเรียน โดยในการนี้ยังได้มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศส กับคุณครูสลิลทิพย์ พนาวสันต์ แกร์นิเยร์ ครูสอนภาษาฝรั่งเศส โรงเรียนพัทลุง ครูยิ่งคุณ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2562 อีกทั้งยังได้เยี่ยมเยือนศึกษาดูงาน ณ สถาบันพัฒนาวิชาชีพครูสำหรับอาเซียน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ด้านการสนับสนุนและการพัฒนาครูของสถานบันฯให้กับครูประจำการและบุคลากรทางการศึกษา 

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 25 SIAO model เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในจังหวัด รวมถึงทัศนศึกษาศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เรียนรู้แหล่งประวัติศาสตร์โบราณธรณีวิทยาและโบราณชีววิทยา นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมเยือนโรงเรียนหนองเรือวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒๕ ขอนแก่น โดยเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษที่โดดเด่นทางด้านการผลิตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง โดยนักเรียนทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจุบันที่อยู่ใน วอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก

นอกจากการศึกษาดูงานในจังหวัดขอนแก่นแล้ว คณะของครูคำซ้อย วงสัมพัน สปป.ลาว ยังได้เดินทางไปจังหวัดชัยภูมิเพื่อศึกษาดูงานการจัดการเรียนรู้และการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนสตรีชัยภูมิ  สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 จังหวัดชัยภูมิ ทั้งในด้านการบริหารจัดการศึกษาและการพัฒนาการเรียนรู้ในด้านภาษา และสาระการเรียนรู้ต่างๆ พร้อมกันนี้ยังได้มีการแลกเปลี่ยนสะท้อนประสบการณ์การเรียนรู้จากการศึกษาดูงานร่วมกัน โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีและเครือข่ายครูไทยร่วมแลกเปลี่ยนการนำความรู้ไปใช้ต่อยอดการทำงานในอนาคต 

จังหวัดขอนแก่น

จังหวัดชัยภูมิ

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี​ ประจำปี​ 2560​ จากประเทศมาเลเซีย​ พร้อมคณะ​ เยือนประเทศไทย​ และเข้าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างครูมาเลเซียกับครูไทย​ พร้อมศึกษาดูงานของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี​ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี​ ประจำปี​ 2560​ จากประเทศมาเลเซีย​ พร้อมคณะ​ เยือนประเทศไทย​ และเข้าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างครูมาเลเซียกับครูไทย​ พร้อมศึกษาดูงานของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี​ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)


คณะกรรมการของ​มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีได้จัดกิจกรรมศึกษาดูงานและเลี้ยงต้อนรับ Ms. Saripah Embong ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี รุ่นที่ 2 ปี 2560 จากประเทศมาเลเซีย พร้อมด้วยผู้บริหาร ครู และนักเรียน  จำนวน  8 คน จากโรงเรียน Sekolah Menengah  Agarna (Atas)  Sultan Zainal Abidin รัฐ Terengganu ประกอบด้วย Haji Engku Abdulh bin Engku Dalam Ahmad , Zalina binti Hassan , Dr.Wan Maizaitul Akmar binti Wan Ahmad , Abdul Malik bin Muhamad , Nurul Aisyah bin Mustaffa , Wan Ahmad Aqil Zakwan bin Wan Mohd Faidzal , Nur Anis Farzana binti Abdul Malik ซึ่งได้มาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2563 นี้  เพื่อร่วมกิจกรรม “International Intellectual Poverty, Invention, Innovation and Technology Exposition” โดยโครงงานของนักเรียนได้รับรางวัล Special Award และรางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) จากงานดังกล่าว

โดยในวันที่​ 5​ กุมภาพันธ์​ 2563​ การนี้คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีได้จัดกิจกรรมศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี  โดยมีนายภูริวรรษ คำอ้ายกาวิน ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ศึกษา สพฐ. และ ดร.สมร  ปาโท ผู้อำนวยการ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี  พร้อมด้วย คณะครูอาจารย์ และนักเรียนที่ให้การต้อนรับ ในการนี้คณะครู Saripah ได้ศึกษาดูงานด้านการจัดการเรียนการสอนห้องปฏิบัติการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างนักเรียนไทยและญี่ปุ่น (Academic Exchange Program) การสอนแบบโครงงานทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน สะเต็มศึกษา และการบริหารจัดการโรงเรียนด้านงบประมาณ การคัดเลือกนักเรียน และการทำโครงงานของนักเรียนซึ่งเป็นกิจกรรมสำหรับการจบการศึกษา เป็นต้น

ในบ่ายวันเดียวกัน คณะครู Saripah ยังได้เข้าเยี่ยมเยือนมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี โดยมี ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ผู้จัดการมูลนิธิฯ นพ.สุภกร บัวสาย และดร.อุดม วงษ์สิงห์ คณะกรรมการมูลนิธิฯ ดร.จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์ สถาบันรามจิตติ ให้การต้อนรับ ณ สำนักงานมูลมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี สำนักงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) อาคาร S.P.ชั้นที่ 13 ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้​ การมาเยือนประเทศไทยของคณะของครู​ Saripah ครั้งนี้เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ร่วมกันในด้านการศึกษาระหว่างทั้งสองประเทศ​ และศึกษาการทำงานของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี​ ในกระบวนการส่งเสริมและปรับปรุงการพัฒนาวิชาชีพครู รวมถึงเพื่อให้เกิดเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างนักเรียนและอาจารย์จาก Sekolah Menengah Agama (Atas) Sultan Zainal Abindin และนักเรียนและครูจากโรงเรียนไทยมากยิ่งขึ้น​ด้วย​  ในการนี้คณะกรรมการมูลนิธิฯยังได้จัดเลี้ยงต้อนรับแด่ครู Saripah และคณะ ที่มาเยือนในครั้งนี้ด้วย โดยมีดร.ทินสิริ ศิริโพธิ์ ผู้จัดการประสานระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ดร.เจษฎา เตมัยสมิธิ  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมงานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ Mr. Haji Engku Abdullah bin Engku Dalam Ahmad ผู้บริหารโรงเรียน Sekolah Menengah  Agarna (Atas)  Sultan Zainal Abidin โรงเรียนของครู Saripah ได้กล่าวสะท้อนขอบคุณการต้อนรับและกิจกรรมการเรียนรู้ที่มูลนิธิฯ จัดขึ้นว่า การมาประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งในการเรียนรู้หลายเรื่อง โดยเฉพาะโอกาสที่ทางมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีได้ประสานให้ได้ไปศึกษาดูงานโรงเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี ซึ่งมีจุดเน้นคล้ายกับ โรงเรียน Sekolah Menengah  Agarna (Atas)  Sultan Zainal Abidin ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาอยู่ในกลุ่มโรงเรียนเป็นเลิศทางวิชาการของมาเลเซีย เป็นโรงเรียนประจำ มีนักเรียนมีจำนวน 720 คน ครู 100 คน โดยด้นการเรียนรู้มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ โดยสนับสนุนให้นักเรียนทำโครงงานวิทยาศาสตร์และการพัฒนานวัตกรรมได้รับรางวัลระดับประเทศและนานาชาติมากมาย ซึ่งจากการมาเยือนครั้งนี้โรงเรียนมีความประสงค์ที่จะดำเนินโครงการความร่วมมือแลกเปลี่ยนครูและนักเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาร่วมกันในอนาคตต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเยี่ยมเยือนครูชาตรี สำราญ ครูรางวัลคุณากร ปี 2558

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเยี่ยมเยือนครูชาตรี สำราญ ครูรางวัลคุณากร ปี 2558


26 มกราคม 2563  ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร  ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี นำคณะกรรมการมูลนิธิฯ เยี่ยมเยือน
ครูชาตรี สำราญ ครูรางวัลคุณากร รุ่นที่ 1 ปี 2558 ติดตามให้กำลังใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแนวคิดและประสบการณ์การสร้างการเรียนรู้ โดยมีครูสุเทพ เท่งประกิจ ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีรุ่นที่ 3 ปี 2562  พร้อมสถาบันรามจิตติ และผู้แทนกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เข้าเยี่ยมเยือนด้วย

ในการเยี่ยมเยือนครั้งนี้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูชาตรี สำราญ ในหลายเรื่อง ทั้งแนวคิดและประสบการณ์การสร้างการเรียนรู้เชิงรุกที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  การใช้สื่อเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ และส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบและสร้างนวัตกรรมด้วยตนเอง รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านภาษาไทย ทักษะการรู้หนังสือเพื่อผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 การพัฒนาครูชายแดนภาคใต้และการส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาครูเชิงพื้นที่ในลักษณะต่างๆ ต่อไป  

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรียังได้มอบหนังสือจากมูลนิธิฯให้เป็นที่ระลึกต่อการมาเยี่ยมเยือนในครั้งนี้ และเช่นกันครูชาตรี สำราญ ก็ได้มอบหนังสือที่ครูเขียนเป็นที่ระลึกแด่มูลนิธิฯอีกด้วย 

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเข้าพบท่านผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเพื่อขับเคลื่อนงานพัฒนาครูชายแดนภาคใต้

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเข้าพบท่านผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเพื่อขับเคลื่อนงานพัฒนาครูชายแดนภาคใต้


26 มกราคม 2563  ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร  ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี นำคณะกรรมการมูลนิธิฯเข้าพบท่านชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด
เพื่อคารวะเยี่ยมเยือนและรายงานความเคลื่อนไหวของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี พร้อมกับแนะนำครูสุเทพ เท่งประกิจ ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีปี 2563 จากจังหวัดยะลา รวมถึงประเด็นสำคัญล่าสุดการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาและพัฒนาครู และขอความร่วมมือเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัดเพื่อการคัดเลือกในรอบต่อไป  

จากนั้นคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีได้เข้าประชุมความร่วมมือขับเคลื่อนการพัฒนาครูระดับจังหวัด ณ ห้องประชุมขุนศิลป์ สำนักงานศึกษาธิการภาค 7  โดยมีท่านนิมะ มะกาเจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และคณะกรรมการคัดเลือกครูระดับจังหวัดยะลา รวมถึงเครือข่ายครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในพื้นที่ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาชายแดนใต้ และเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีสถาบันรามจิตติเป็นฝ่ายประสานความร่วมมือดังกล่าวร่วมศึกษาธิการจังหวัดยะลา 

ในการนี้ประธานคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีได้กล่าวขอบคุณในการดำเนินงานของคณะกรรมการคัดเลือกครูระดับจังหวัด ซึ่งในรุ่นที่ 3 นี้ครูสุเทพ เท่งประกิจ จากจังหวัดยะลาได้เข้าพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2562 ที่ผ่านมา และยังมีครูในเครือข่ายมูลนิธิฯได้มาร่วมประชุมในงานนี้ด้วย ซึ่งที่ประชุมได้หารือร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์ ประเด็นสำคัญทางการศึกษาและการพัฒนาครูในภาพรวมและประเด็นสำคัญล่าสุดของพื้นที่เพื่อการขับเคลื่อนเครือข่ายครู รวมถึงการขอความร่วมมือในการขอสานต่อการทำงานสนับสนุนครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจากท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านการศึกษาร่วมกับคณะกรรมการคัดเลือกครูระดับจังหวัดยะลา สถาบันผลิตและพัฒนาครู เครือข่ายครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในพื้นที่ และภาคีที่เกี่ยวข้องต่อไป 

สถาบันรามจิตติ : ภาพ/รายงาน

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเยี่ยมเยือนครูสุเทพ เท่งประกิจ ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2563

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเยี่ยมเยือนครูสุเทพ เท่งประกิจ ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2563


27 มกราคม 2563  ดร.จักรพรรดิ วะทา คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีนำคณะกรรมการมูลนิธิฯ และผู้แทนกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สถาบันรามจิตติ และสื่อมวลชน และเครือข่ายครูในมูลนิธิฯ เข้าเยี่ยมเยือนครูสุเทพ เท่งประกิจ
ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2563 ณ โรงเรียนบ้านคลองน้ำใส อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา โดยมีนายศรัทธา ห้องทอง (ครูรางวัล “ขวัญศิษย์” ปี 2558) ผู้บริหารโรงเรียนบ้านคลองน้ำใส รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2  คณะกรรมการสถานศึกษา คณะครูและนักเรียนของโรงเรียนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี 

ในการนี้ คณะกรรมการมูลนิธิฯ ยังได้แลกเปลี่ยนประเด็นสำคัญของการมาเยี่ยมเยือนและติดตามให้กำลังใจกับคณะกรรมการสถานศึกษา คณะครูและฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาครูตามโจทย์ความต้องการของครูตามสภาพจริง ทั้งนี้ประธานคณะกรรมการสถานศึกษายังได้กล่าวสะท้อนถึงความยินดีที่ครูสุเทพ เท่งประกิจ ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในปี 2562 นี้ที่ว่า 

“ผมอยู่พื้นที่นี้มาตั้งแต่ต้น ตอนครูสุเทพเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูยะลา พ่อครูสุเทพมาบอกผมว่า ลูกกำลังจะจบและจะไปเป็นครู อยากให้เป็นครูที่นี่ พอครูสุเทพจบเขาก็ต้องไปที่โรงเรียนบ้านลูโป๊ะบันยง ปี 35 แล้วโรงเรียนก็ขอให้ครูย้ายมาบ้านคลองน้ำใส ปี 42 ก็มาเป็นครูที่นี่ ทำโน่นนี่หลายอย่างตั้งแต่สมัยผู้อำนวยการคนเก่า พออ.ศรัทธา ย้ายมาใหม่มาเป็นผู้อำนวยการก็ยิ่งช่วยกันพัฒนาโรงเรียน ทั้งสองท่านก็ทุ่มเทให้กับการทำงาน เราขอบคุณมูลนิธิฯที่ได้มอบรางวัลให้กับครูที่ทำงานอย่างเต็มที่ให้โรงเรียนและชุมชน” 

คณะกรรมการมูลนิธิฯ ยังได้มอบของที่ระลึกให้กับผู้บริหารโรงเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษา และเยี่ยมเยือนห้องเรียน และดูแศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ กิจกรรมการพัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพสำหรับเด็กมัธยมศึกษา เช่น กิจกรรมตัดเย็บผ้า งานช่างเชื่อมช่างโลหะ งานช่างไม้ งานจักสาน งานประดิษฐ์ อาหาร ฯลฯ  

สำหรับโรงเรียนบ้านคลองน้ำใส  เป็นโรงเรียนที่ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย 8 กม. เดิมสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ได้รับอนุมัติจากกระทรวงเกษตร และสหกรณ์  อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในจำนวน 12 ไร่  โดยปี 2534 มีนายเจ๊ะเส็น หง๊ะเอียด ร่วมกับราษฎรหมู่ 2 ตำบลบาละ อำเภอกาบัง ขออนุมัติจัดตั้งโรงเรียนบ้านคลองน้ำใส (หมู่ 2) หมู่ 7  ตำบลบาละ อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา  ได้ดำเนินการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6  ได้จัดสร้างอาคารเรียนชั่วคราว ขนาด 6×8 เมตร จำนวน 1 หลัง โดยประชาชนบริจาคงบประมาณ จากนั้นโรงเรียนได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน โดยมีนายศรัทธา ห้องทอง (ครูรางวัล “ขวัญศิษย์” ปี 2558) เป็นผู้บริหารโรงเรียนร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษา 

ส่วนครูสุเทพ เท่งประกิจ ครูผู้จัดการเรียนรู้ระดับปฐมวัยและครูนักพัฒนา ผู้จัดการเรียนรู้ท่ามกลางความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม ครูสุเทพได้ใช้ภาษามลายูสร้างความสัมพันธ์ไทยมุสลิมและเข้าถึงคนในชุมชน อีกทั้งจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ ศูนย์ช่างเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นครูนักพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สร้างอาชีพที่ตอบโจทย์ชุมชนในท้องถิ่นทุรกันดาร จนมีลูกศิษย์ประสบความสำเร็จจำนวนมาก 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี สมัยสามัญ ประจำปี 2561

ครูคุณากร ปี 2560
รายการคนคนฅ้นถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตรางวัลครูคณากร ปี 2558-2562

รายการคนคนฅ้นถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตรางวัลครูคณากร ปี 2558-2562

ครั้งที่ 1 ปี 2558

ครูชาตรี สำราญ  “ครูผู้สร้างการเรียนรู้ ผู้อุทิศทั้งชีวิตเป็นครูทุกลมหายใจ”  อ่านต่อ>>


ครูฌัชตา  ธรรมธนาคม แม่ครูผู้ใช้นาฎศิลป์เปลี่ยนชีวิต 30 ปี
ขุดเพชรในโคลนตม บ่มเพาะ สร้างคนดีด้วย “หัวใจ” อ่านต่อ>>

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ครั้งที่ 2 ปี 2560

ครูนฤมล แก้วสัมฤทธิ์ “แม่พิมพ์กลางไพร” 


ครั้งที่ 3 ปี 2562

ดาบตำรวจคณิต ช่างเงิน “แสงสว่างที่กลางไพร” 

พระราชดำรัสพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ครั้งที่ 3

พระราชดำรัสพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ครั้งที่ 3


สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัส  ความตอนหนึ่งว่า

“ ปี 2562 นี้เป็นปีที่ประเทศไทยได้เป็นประธานอาเซียน ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าความเป็นหุ้นส่วนที่ก้าวหน้าเพื่อความยั่งยืนในประเทศสมาชิอาเซียน รวมทั้งประเทศติมอร์-เลสเต จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทุกประเทศก้าวไปข้างหน้าเพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนด้วยกัน ขอให้พวกเราทำงานไปด้วยกันเพื่อส่งเสริมครูให้เป็นแรงกระตุ้นเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

                      ครู คือ ปัจจัยสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
                      ครู คือ มนุษย์ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจ

ให้เด็กนักเรียนที่จะพัฒนาคุณลักษณะของตนเองและสร้างค่านิยมต่างๆ ให้เกิดขึ้น
ไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ สามารถมาแทนที่ครูได้ด้วยเหตุผลดังกล่าว
นั่นคือว่า     ทำไมครูที่ดีจึงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตลูกศิษย์ได้
ด้วยการพัฒนาพวกเขาให้เป็นพลเมืองที่ดีและมีความสามารถทั้งในระดับชาติ
และระดับเป็นพลเมืองของโลกด้วย” 

พระราชดำรัส เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562
พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 3